การใช้งานไฟภายในโรงงานอุตสาหกรรม ที่ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ จะใช้พลังงานไฟฟ้าที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นการเลือกเครื่องปั่นไฟมาใช้งาน เพื่อลดปัญหาความเสียหายของเครื่องจักรภายในโรงงานและช่วยลดการสูญเสียด้านมูลค่างานต่าง ๆ จึงจำเป็นจะต้องมีความระมัดระวังและทำอย่างเหมาะสม
การใช้เครื่องปั่นไฟของโรงงานอุตสาหกรรม ควรเลือกอย่างไร?
ถ้าคุณต้องการใช้งานเครื่องปั่นไฟ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงานภายในโรงงานอุตสาหกรรม เรื่องที่คุณควรรู้คือการใช้พลังงานไฟฟ้าในแต่ละขนาด โดยโรงงานขนาดเล็กจะมีความต้องการต่อพลังงานไฟฟ้าที่ไม่เกินกว่า 30 KVA, โรงงานขนาดกลางจะมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าที่ขนาด 30-1999 KVA และโรงงานขนาดใหญ่จำเป็นจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเริ่มต้นที่ 2 MVA เป็นต้นไป สำหรับปัจจัยในด้านการประเมินดูว่าคุณจะต้องใช้กำลังไฟฟ้ามากเท่าไหร่ เพื่อการซื้อเครื่องปั่นไฟ ให้คุณใช้วิธีการพิจารณา คือ
- ขนาดของโรงงานอุตสาหกรรม
- ลักษณะของการผลิตหรือกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ ในการผลิตงาน
- การใช้งานเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในโรงงาน
- ประเภทของเครื่องมือ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ภายในโรงงาน
- ปัจจัยทางด้านความเสี่ยงในการหยุดผลิตหรือต้นทุนที่อาจจะสูญเสียไป
เมื่อเกิดปัญหาไฟดับ การประเมินจากขนาดของโรงงานและกำลังไฟ มีความจำเป็นอย่างมากต่อการซื้อเครื่องปั่นไฟ เพราะถ้าคุณซื้อมาไม่เหมาะสมอาจจะก่อให้เกิดผลกระทบทางด้านแรงดันไฟฟ้า ที่จะทำให้อุปกรณ์ เครื่องจักรกล และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เสียหายได้ง่าย
ไม่ว่าจะเป็นการมีกำลังไฟไม่เพียงพอหรือการมีกำลังไฟสูงเกินไป จะส่งผลเสียทั้งหมด ทั้งยังเป็นตัวทำให้อัตราค่าไฟฟ้าอาจจะพุ่งสูงขึ้นเกินกว่ามาตรฐานได้ เรื่องของกระบวนการผลิตงานภายในอุตสาหกรรม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่อใดที่การทำงานลดลง อาจทำให้เกิดความเสียหายด้านเงินทุนค่อนข้างหนัก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหล็ก, โรงงานเชื่อมเหล็ก, โรงโม่หินอุตสาหกรรม การทำงานขนาดใหญ่ที่จะต้องมีระบบไฟฟ้าต่อเนื่อง เมื่อใดที่ไฟฟ้าหยุดลงหรือดับกระทันหัน ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานที่จะส่งผลการสูญเสียมูลค่าสูงมาก
การประเมินจึงต้องดูว่ากระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมนั้น ๆ จำเป็นจะต้องทำอย่างต่อเนื่องหรือไม่ เพราะถ้าไม่ทำต่อเนื่องแล้วอาจก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง หรือส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศได้เลยทีเดียว เช่น โรงงานอุตสาหกรรมเคมี, โรงงานอุตสาหกรรมแบบโรงกลั่น และโรงงานอุตสาหกรรมพลังงานน้ำหรือไฟฟ้าต่าง ๆ รองลงมาจะเป็นกระบวนการผลิต ที่เมื่อไฟฟ้าดับลงอาจจะส่งผลเสียต่อโครงสร้างของเศรษฐกิจได้ แต่ไม่ถึงกับรุนแรงมาก คือ โรงงานอุตสาหกรรมด้านการแปรรูปอาหาร ด้านอิเล็กทรอนิกส์ หรือการถลุงเหล็ก เป็นต้น และสุดท้ายจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรมประเภทที่ไม่จำเป็นต้องผลิตต่อเนื่อง สามารถหยุดการผลิตได้ เมื่อใดที่เกิดปัญหาไฟฟ้าดับจะไม่ส่งผลเสียมากนัก
ส่วนการประเมินจากอุปกรณ์หรือเครื่องจักรต่าง ๆ ภายในโรงงานอุตสาหกรรม จะถูกแบ่งออกเป็นลักษณะของการใช้งาน เช่น
- ระบบด้านแสงสว่างของโรงงาน ระบบแสงสว่างภายในอาคาร หรือสำนักงาน
- อุปกรณ์ด้านการปรับอากาศ
- เครื่องเชื่อมไฟฟ้าและการใช้งานเตาอบกับเตาหลอม
- การใช้งานห้องเย็น หรือตู้แช่แข็ง
- เครื่องจักรหรือเครื่องมือที่จะต้องใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากับหม้อแปลงไฟฟ้า
- อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องด้านอิเล็กทรอนิกส์หรือคอมพิวเตอร์
- ระบบการควบคุมและการป้องกันต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังต้องมีเครื่องปั่นไฟแบบสำรองฉุกเฉินเพิ่มเติมขึ้นมาจากเครื่องปั่นไฟหลักอีก 1 เครื่อง ซึ่งอุปกรณ์ เครื่องจักร และเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ จะต้องอยู่ในหลักการประเมินอีกด้วย
เรื่องควรรู้ เมื่อใช้งานเครื่องปั่นไฟสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม
เมื่อคุณใช้เครื่องปั่นไฟสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ที่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นเครื่องดีเซลขนาดใหญ่ มีเรื่องที่คุณควรรู้และทำความเข้าใจให้ดี เพื่อทำให้เกิดการใช้งานที่มีประสิทธิภาพและไม่สร้างปัญหาความเสียหายที่เร็วจนเกินไป รวมถึงให้ความปลอดภัยสูง ดังนี้
- ถ้าต้องการปรับอุปกรณ์ใด ๆ หรือการตั้งค่าภายใน ควรหยุดเครื่องและหยุดการจ่ายไฟมาที่เครื่องปั่นไฟก่อน พร้อมการงดจ่ายโหลดแล้วจึงค่อยเข้าแก้ไข
- เมื่อใช้งานแล้วจะต้องให้เป็นไปอย่างเหมาะสมต่อกำลังไฟ เพราะการจ่ายกำลังไฟฟ้าเกิน อาจทำให้เครื่องเสียหายเร็วและอาจกลายเป็นอุบัติเหตุใหญ่ได้
- เมื่อต้องการเข้าตรวจสอบอุปกรณ์ภายใน ดูแลและบำรุงรักษาเครื่องปั่นไฟของโรงงานอุตสาหกรรม จะต้องมีการตัดไฟจากส่วนหลักของเครื่องก่อนและปรับตำแหน่งการใช้งานอยู่ที่โหมด OFF หรือมีการปลดขั้วสายของแบตเตอรี่ออกทั้งหมด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
- เมื่อใช้งานเครื่องปั่นไฟ จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญหรือช่างที่มีความรู้ด้านเครื่องปั่นไฟดูแลในขณะทำงานอยู่เสมอ
- ห้ามทิ้งเครื่องไว้เด็ดขาด ขณะใช้งานเครื่องปั่นไฟไม่ควรเปิดฝาหม้อน้ำทิ้งไว้เด็ดขาด เพราะอาจจะยิ่งทำให้เครื่องเสียหายได้เร็วขึ้น
- การปิด-เปิดเบรกเกอร์สำหรับการจ่ายไฟ หรือการโหลดเครื่อง ไม่ควรทำบ่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้เครื่องเสียหายง่าย
- บริเวณการติดตั้งเครื่องปั่นไฟ จะต้องเป็นจุดพื้นที่โล่ง ระบายอากาศได้ดีและไม่ใช่จุดที่มีฝุ่นละออง หรือเศษสิ่งสกปรกใด ๆ มากเกินไป รวมไปถึงการไม่ตั้งในบริเวณที่เป็นวัตถุไวไฟ หรือเป็นสถานที่เก็บสารเคมีใด ๆ ทั้งสิ้น
เรื่องสำคัญที่ผู้ติดตั้งเครื่องปั่นไฟโรงงานอุตสาหกรรมควรทำ คือ การเดินสายดินที่จะต่อเข้ากับบริเวณแท่งทองแดงหรือที่ถูกเรียกว่า Ground Rod และจะต้องถูกฝังในดินตามมาตรฐานที่ถูกกำหนดไว้ เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงมากที่สุด ตรวจสอบและดูแลเรื่องของแรงดันน้ำมันเครื่อง วัดอุณหภูมิของเครื่องยนต์ การปล่อยกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้า ที่จะต้องมีความคงที่อย่างสม่ำเสมอ การใช้งานเครื่องปั่นไฟต้องเป็นไปอย่างเหมาะสม ไม่ใช้นานเกินกว่ากำลังของเครื่องเด็ดขาด