ก่อนซื้อเครื่องปั่นไฟมาใช้กับที่อยู่อาศัย ควรประเมินอะไรบ้าง

มิ.ย. 9, 2022 | การเลือกเครื่องปั่นไฟ

ก่อนซื้อเครื่องปั่นไฟมาใช้กับที่อยู่อาศัย ควรประเมินอะไรบ้าง

ในปัจจุบันนี้ตลาดเครื่องปั่นไฟฟ้ากำลังเป็นที่ต้องการ เพราะเครื่องปั่นไฟนั้นถือว่าเป็นอีก 1 นวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่มีส่วนช่วยให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ละชุมชนหรือแม้กระทั่งตามบ้านเดี่ยว , บ้านแฝด ตลอดจน คอนโนมิเนียม หรือที่อยู่อาศัยประเภทอื่น ๆ มีนิสัยการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นมากแบบไม่น่าเชื่อ เมื่อไฟฟ้าหลักถูกใช้เกิดความจำเป็น ก็จะส่งผลต่อระบบไฟภายในที่อยู่อาศัย ทำให้ ไฟดับ , ไฟตก , ไฟดับ ๆ ติดๆ และอาจจะก่อให้เกิดกรณีที่ไฟระเบิดได้ ถือว่าอันตรายมากเลยทีเดียว

เครื่องปั่นไฟ จะช่วยได้อย่างไร ?

ถ้าหากว่าพบปัญหาข้างต้น ‘เครื่องปั่นไฟ’ จึงเข้ามามีบทบามในการช่วยผลิตไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ ทำหน้าที่เป็นไฟฟ้าสำรอง คุณสามารถเลือกเปิดเครื่องเพื่อเอามาแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้น เพราะเวลาที่ระบบไฟฟ้าในครัวเรือนมีปัญหา จะต้องใช้เวลาในการซ่อมบำรุงค่อนข้างนาน บางสถานที่อาจจะหลายชั่วโมง หรือ บางที่อาจจะใช้เวลาซ่อมหลายวัน คุณสามารถเอาเครื่องปั่นไฟมาแก้สถานการณ์ได้ เพื่อใช้งานไฟฟ้าเมื่อไฟหลักมีปัญหา

เครื่องปั่นไฟ มีกี่ประเภท ?

เครื่องปั่นไฟ มีทั้งหมด 3 ประเภทให้เลือก มีรายละเอียดดังนี้

1.เครื่องปั่นไฟเบนซิน

อย่างแรกคือ เครื่องปั่นไฟเบนซิน จะมีการทำงานและส่งกำลังไฟฟ้าจากเครื่องยนต์เบนซิน สามารถใช้งานและรองรับการเติมน้ำมันที่หลากหลาย เช่น น้ำมันเบนซิน , แก๊สโซฮอล รวมถึง เอทานอล กระบวนการทำงานนั้นจะออกแบบให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิง

การกำหนดขนาดเครื่องปั่นไฟ

2.เครื่องปั่นไฟดีเซล

อย่างที่ 2 คือ เครื่องปั่นไฟดีเซล เครื่องปั่นไฟประเภทนี้จะส่งกำลังจากเครื่องยนต์ดีเซล เพื่อขับเคลื่อนพลังงาน  สร้างและออกแบบมาเพื่อนการใช้งานเป็นเวลานาน ใช้งานหนัก ต้องใช้ทุกวัน จะสามารถใช้เครื่องปั่นไฟต่อการเติมเชื้อเพลิง / น้ำมัน ต่อรอบ ยาวนาน 3 ชั่วโมง การเผาไหม้ของเครื่องยนต์จะมาขึ้นกว่าแบบแรก ให้การใช้งานที่สะดวกสบาย และส่งออกพลังกระแสไฟที่สม่ำเสมอ มีข้อดีเพิ่มเติมคือ ราคาไม่แรง , เหมาะกับการใช้งานหลายประเภท , มีอะไหล่ซ่อมเยอะ , ราคาซื้อไม่แพง + ราคาซ่อมบำรุงที่ไม่แพง , ทนทาน แต่ว่าไม่ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียอย่างเดียว เพราะจะมีปัญหาในเรื่องของ ‘เสียง’ เมื่อเปิดใช้งานเครื่องจะส่งเสียงค่อนข้างดัง เพราะเครื่องยนต์มีขนาดใหญ่ เคลื่อนย้ายลำบาก น้ำหนักเยอะ

3.เครื่องปั่นไฟอินเวอร์เตอร์

ต่อมาคือ เครื่องปั่นไฟอินเวอร์เตอร์ หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘เครื่องปั่นไฟแบบพกพา’ เป็นนวัตกรรมใหม่ผสมผสานระหว่าง เครื่องดีเซล + เครื่องเบนซิน และเพิ่มเทคโนโลยีเสริมเข้าไปคือ ระบบอินเวอร์เตอร์ มีรายละเอียดการใช้งานที่ค่อนข้างเยอะ แบ่งออกเป็น 3 ขนาด ดังนี้

  • ขนาดใหญ่: ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 5,000 วัตต์ขึ้นไป น้ำหนัก ประมาณ 113 กิโลกรัม
  • ขนาดกลาง: ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 2,500 – 4,500 วัตต์ น้ำหนักประมาณ 36 กิโลกรัม
  • ขนาดพกพา: ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 2,000 วัตต์ น้ำหนักประมาณ 22 – 27 กิโลกรัม

คุณสามารถเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟไฟอินเวอร์เตอร์ ได้หลายขนาด โดยอ้างอิงจากความแรงของกระแสไฟฟ้า + น้ำหนักของเครื่อง มีข้อดีอยู่หลายประการ ประกอบไปด้วย เสียงเบาเมื่อใช้งาน , พกพาสะดวก , จิ๋วแต่แจ๋วด้วยการผลิตไฟฟ้าที่สม่ำเสมอ , ยืน 1 เรื่องประหยัดเชื้อเพลิง สำหรับข้อเสียอย่างเดียวอย่างเดียวก็คือ ‘ไม่สามารถผลิตกระแสไฟได้มากขนาดนั้น ถ้าเทียบกับเครื่องปั่นไฟแบบทั่วไป’

ก่อนซื้อเครื่องปั่นไฟมาใช้กับที่อยู่อาศัย ควรประเมินอะไรบ้าง ?

  • ประเมินนิสัยการใช้งานในที่อยู่อาศัย เริ่มตั้งแต่ การใช้ไฟ , TV , อินเทอร์เน็ต , ชาร์จไฟอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอื่น ๆ ลองดูว่าคุณใช้งานไฟฟ้าในที่อยู่อาศัยมากน้อยเพียงใด เพื่อเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟที่เหมาะกับการใช้งาน
  • ประเภทของเครื่องปั่นไฟ ออกแบบการใช้งานที่หลากหลาย ถ้าเลือกซื้อผิดประเภทอาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร
  • การใช้งานกับที่อยู่อาศัย แนะนำเป็น เครื่องปั่นไฟเบนซิน ด้วยกระบวนการทำงานรวมถึงแรงส่งไฟฟ้า ขนาด การพกกา ที่เหมาะกับที่อยู่อาศัยมากที่สุด เป็นสถานที่ที่ไม่จำเป็นจะต้องเปิดใช้งานตลอดเวลา เช่น ใช้งานเดือนละ 2 – 3 ครั้ง หรือวันละ 3 – 4 ชั่วโมง ราคาก็ถูก น้ำหนักเบา และ คล่องตัวราคาถูก ดูแลง่ายด้วย

เชื่อว่าถ้าคุณอ่านบทความนี้คงจะได้คำตอบในการเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟสำหรับที่อยู่อาศัยแล้ว ดังนั้น อย่าลืมเอาเกร็ดความรู้เหล่านี้ไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน

เครื่องปั่นไฟ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า